Sunday, August 31, 2008

""ภาษาวิบัติ""

ฟังเขาอ่านกลอนกันทุกวันนี้
แล้วอยากหนีไปนอนตายก่อนเพื่อน
อักขระวิบัติสัมผัสเลือน
ดูเสมือนไร้ความรู้ตามกัน
ฉันอ่าน"ชั้น" สรรหาเอามาอ่าน
คำว่าท่านก็เหวี่ยงเป็นเสียง"ทั่น"
ไหมอ่าน"มั๊ย" ไม่คิดจิตผูกพัน
อารมณ์ผันฟุ้งเพลินจนเกินความ
ไม้อ่าน"ม้าย" กลายกลับเปลี่ยนศัพท์แสง
ได้ก็แผลงเป็น"ด้าย" คล้ายหยาบหยาม
ใต้อ่าน"ต้าย" กลายหมดไม่งดงาม
น้ำอ่าน"น้าม" น่าคิดเสียงผิดไป
เจ้าอ่าน"จ้าว" ร้าวฉานสถานหนัก
เขาก็ยักอ่าน"เค้า" เศร้าไฉน
เช้าอ่าน"ช้าว" ร้าวรวดปวดหัวใจ
เท้าก็ไพล่เป็น"ท้าว" ก้าวตามมา
เก้าอ่าน"ก้าว" ยาวออกไปนอกเสียง
เปล่าก็เบื่ยงเป็น"ปล่าว" ใช่กล่าวหา
เล้าอ่าน"ล้าว" ยาวข้ามไปสามวา
เหลาท่านว่า"หลาว" เลยเชยกันจริง
เต้าอ่าน"ต้าว" ราวกับศัพท์วิตถาร
ร้องไห้อ่าน"ร้องห้าย" ทั้งชายหญิง
หรืออ่าน"รึ" ครึคระไม่ประวิง
ปล่อยใจดิ่งดักดานจึงทานทัด
ทั้งร้อยกรองร้อยแก้วต้องแน่วแน่
อย่าเอาแต่ตามใจให้วิบัติ
ขอวอนวานอ่านกันให้มันชัด
เพื่อช่ายพัฒนาภาษาไทย

Saturday, August 30, 2008

ติดล้อปุ๊บ มีแฟนปั๊บ


หลังจากได้ตัว "อะราวา" เต่าพิการเพศเมียพันธุ์แอฟริกา วัย 10 ปี หนัก 25 กิโลกรัม มาได้ไม่กี่เดือน
สวนสัตว์เยรูซาเลม ไบบลิเคิล ในนครเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอล ก็คิดหาทางช่วยมันได้สำเร็จ
อะราวาเป็นอัมพาต 2 ขาหลัง แต่ก่อนเดินไม่ได้ เจ้าหน้าที่จึงติดแผ่นเหล็กติดล้อให้ 2 ล้อมัดไว้กับกระดองเพื่อให้มันเคลื่อนที่ได้ในหลายทิศทาง ...ตอนนี้เดินได้แล้ว แถมยังหาคู่ได้อีกด้วย
เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ เล่าว่า เจ้าอะราวากำลังเลือกคู่และมีคู่แล้ว เป็นเต่าที่อยู่ในสวนสัตว์มาก่อน
...เสน่ห์ติดปลายล้อเลยล่ะ

ปรมาจารย์เหมียวโยด้า


เจ้าเหมียวเพศผู้ที่มีใบหูข้างละ 2 หู โดยอีก 2 หูที่แถมมา รูปทรงเรียวแหลม เหมือนตัวละคร "โยด้า" ในหนังสตาร์ วอร์
นางวาเลอรีและนายเท็ด ร็อก สามีภรรยาชาวอเมริกันในเมืองชิคาโก จึงตั้งชื่อให้ว่า โยด้า
สามีภรรยาได้เจ้าเหมียวมาจากบาร์แห่งหนึ่งใกล้บ้าน พอมาถึงบ้านมันประจบเจ้านายใหม่ทันที ด้วยการปีนขึ้นไปที่คอและหลับอยู่ตรงไหล่ของนายเท็ด ครอบครัวเลี้ยงไว้ในบ้าน ทั้งฝังชิพไว้ด้วยเผื่อมันหลง หรือถูกลักพาตัว
ตอนนี้มันอายุ 2 ปีแล้ว มีนิสัยคล้ายตัวละครโยด้า คือช่างสังเกต ร้องเหมียวเสียงเบาๆ และไม่ร้องบ่อย ดูไม่กลัวอะไรเลย และเข้าสังคมได้ดี
...ไม่รู้มี "พลัง" แบบอาจารย์โยด้าด้วยรึเปล่านะ

Friday, August 29, 2008

คิดดี คิดบวก สบายใจ ทำให้ห่างไกลมะเร็ง


วารสารทางวิชาการ “ชีวเวช” ของอังกฤษ รายงานว่า นักวิจัยยิวศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่ทำจิตใจ ให้สบาย จะได้บุญคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากโรคมะเร็งทรวงอกได้ แต่ขณะเดียวกันผู้ที่มีความ ทุกข์ใจ หรือโศกเศร้าจากเหตุร้ายต่างๆ อย่างเช่น ตกพุ่มม่าย ก็อาจจะล่อแหลมกับโรคหนักขึ้น
คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยเบนกูเรียนของอิสราเอล ได้ศึกษากับกลุ่มสตรีจำนวนไม่ต่ำกว่า 600 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ถูกวินิจฉัยโรคว่า เป็นโรคมะเร็งทรวงอกอยู่ 255 คน ด้วยการสัมภาษณ์ ถึงประสบการณ์ชีวิต และความรู้สึกทุกข์สุขในใจของ แต่ละคน
รายงานผลการศึกษาสรุปว่า ผู้หญิงที่มีทัศนคติต่อชีวิตดี ดูเหมือนจะได้บุญช่วยคุ้มครองให้แคล้ว คลาดจากโรคมะเร็งทรวงอกได้ถึง 1 ใน 4 แต่ขณะเดียวกัน คนที่ทุกข์ใจ หรือมีความโศกเศร้าจากเหตุร้าย อย่างเช่น สูญเสียพ่อแม่หรือคู่ครอง ก็ล่อแหลมกับโรคมากเกินกว่าร้อยละ 60 ดร.โรนิต เปเลด หัวหน้า คณะนักวิจัย ระบุว่า สตรีผู้ที่ต้องผจญกับเรื่องร้ายๆ ควรจะถือว่าเป็นกลุ่มที่อยู่ในภาวะเสี่ยงกับโรคเลยด้วย.

ที่มา นสพ.ไทยรัฐ

บัญญัติ 10 ประการ - เล่นเน็ตปลอดภัย


1. ระมัดระวังเรื่องการให้ข้อมูลส่วนตัวบนเน็ต เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ชื่อหรือสถานที่ตั้งโรงเรียน ที่ทำงานพ่อแม่ เบอร์โทรของพ่อแม่ หรือข้อมูลส่วนตัวอื่นใดที่ผู้ไม่ประสงค์ดี อาจนำมาใช้ในการติดต่อหนูหรือครอบครัวของหนู
2. ไม่ส่งรูปภาพส่วนตัวให้เพื่อนออนไลน์ รวมถึงจะไม่โพสต์รูปภาพส่วนตัวบนเว็บไซต์ เพราะภาพของหนูอาจถูกนำไปตัดต่อหรือใช้เพื่อการอื่นใดที่ทำให้เกิดความเสียหายหรือเป็นอันตราย
3. ไม่นัดพบกับเพื่อนออนไลน์โดยเด็ดขาด
4. ไม่โต้ตอบกับบุคคลหรือข้อความที่ทำให้รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ
5. รีบบอกพ่อแม่หรือครูทันที หากพบเห็นข้อความหรือรูปภาพที่หยาบคาย ไม่เหมาะสม ที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจทั้งหลายทั้งปวง
6. ขออนุญาตพ่อแม่ก่อนดาวน์โหลดหรือติดตั้งซอฟต์แวร์ใดๆ ลงบนเครื่อง
7. ไม่บอกรหัสผ่านกับใครแม้แต่เพื่อนสนิท ยกเว้นพ่อแม่เท่านั้น
8. พูดคุยกับพ่อแม่เพื่อร่วมกันกำหนดกฎกติกาการออนไลน์ของหนู เป็นต้นว่า จำนวนชั่วโมงการใช้งานต่อวัน กิจกรรมออนไลน์ที่ทำได้และทำไม่ได้ พื้นที่ต้องห้ามบนเน็ต ฯลฯ และหนูจะ ไม่พยายามฝ่าฝืนกฎกติกานี้ นอกจากจะได้รับอนุญาต
9. จะเป็นผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่ดี จะหยุดคิดก่อนเสมอว่าสิ่งที่หนูจะทำนั้นไม่เป็นการผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรม และไม่เป็นอันตรายต่อตัวหนูเองหรือผู้อื่น
10. ช่วยสอนพ่อแม่ให้เข้าใจวิธีการใช้คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อครอบครัวของเราจะได้มีเวลาเรียนรู้ร่วมกันอย่างมีความสุข

Wednesday, August 27, 2008

11 วิธี ใช้ข้าวของให้คุ้มค่า


1.ลิปสติก บางชนิดเนื้ออ่อนเหลวจนหักได้ง่าย ทั้งที่เพิ่งซื้อมาใช้ไม่นาน นำกลับมาใช้ใหม่ได้โดยจุดเทียนไขลนเนื้อลิปสติกสองส่วนที่หักเข้าด้วยกัน ทิ้งให้เย็นตัวก็จะใช้ได้ใหม่
2.มาสคาร่า ถ้าแห้งแล้วไม่ต้องรีบร้อนซื้อใหม่ ให้เติมน้ำร้อน 4-5 หยด แล้วใช้แปรงปัดขนตากวนๆ ให้ทั่วก็ใช้ได้อีกนาน
3.ยาทาเล็บ ถ้าแห้งแข็งจนใช้ไม่ได้ อย่ารีบโยนทิ้ง เติมน้ำยาล้างเล็บลงไปหน่อย หรือแช่ขวดยาทาเล็บลงในน้ำเดือดสักครู่ ก็ใช้ได้อีกหลายครั้ง
4.เก็บรักษายาทาเล็บ ทุกครั้งหลังที่เลิกใช้แล้ว ให้นำยาทาเล็บใส่ตู้เย็น เท่านี้ก็ใช้ยาทาเล็บได้หมดจนหยดสุดท้าย
5.เสื้อผ้าขึ้นรา นำเสื้อไปแช่นมเปรี้ยว พอรุ่งเช้าบิดตากแดด อาจบีบมะนาวโรยซ้ำอีกนิด แค่นี้ก็ไม่ต้องทิ้งเสื้อตัวโปรดหรือซื้อใหม่ให้เสียเงิน

6.รองเท้า ปรับรองเท้าคัชชูดำคู่เก่าให้ดูใหม่ได้ ด้วยการใช้ยาย้อมผมสีดำทาให้ทั่ว แล้วทิ้งไว้สัก 1-2 ชั่วโมง จากนั้นใช้ยาขัดรองเท้าขัดถูให้ดำเป็นเงางาม เท่านี้ก็เหมือนได้รองเท้าคู่ใหม่
7.เสื้อผ้าสีดำซีด มีวิธียืดอายุการใช้งาน คือเมื่อซักสะอาดแล้วนำไปแช่ครามซักผ้าขาว ทิ้งไว้ 5-10 นาที นำไปล้างน้ำสะอาดแล้วตาก ชุดเก่าจะดูใหม่ไปอีกระยะ
8.ถุงน่อง หลังซื้อมา อย่าเพิ่งใช้ทันทีให้ไปแช่น้ำก่อนเพื่อให้น้ำซึมซับอิ่มตัว บิดหมาดๆ นำไปแช่ในช่องทำน้ำแข็งจนเป็นน้ำแข็ง แล้วนำออกมาละลายน้ำแข็งตากให้แห้ง จะใช้งานได้นานกว่าปกติ
9.ซักผ้า หากผ้ามีกลิ่นเหม็นอับ เพียงแค่นำสารส้มมาแกว่งในน้ำ แช่ผ้าที่เหม็นอับทิ้งไว้ 1 คืน ก่อนนำมาซักปกติ แล้วตากแดดหรือตากลม
10.แก้ปัญหาผิวหน้ามัน วิธีขจัดคือนำมะนาวมาฝานเป็นเสี้ยวบางๆ แล้วแปะให้ทั่วใบหน้า แต่เว้นรอบดวงตาและปาก ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างน้ำสะอาด ทำบ่อยๆ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ปัญหาหน้ามันจะทุเลาลง

11.เล็บเหลือง แก้ปัญหาได้ด้วยการใช้มะนาวซีกเล็กๆ ขัดๆ ถูๆ เล็บมือสัก 5 นาที แล้วจึงนำมาล้างน้ำสะอาด เล็บมือจะขาวและเป็นเงางามจนน่าปลื้ม

Monday, August 25, 2008

Natto เรื่องเน่า(?????)ที่ไม่ควรมองข้าม*****




นัตโต เป็นอาหารหมักพื้นบ้านของชาวญี่ปุ่นได้จากากรหมักถั่วเหลืองด้วยเชื้อแบคทีเรียพวกบาซิลลัส นัตโต ซึ่งต่างจากผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองหมักอื่น ๆ ที่มักใช้รา ดังนั้นลักษณะของนัตโตที่ได้หลักจากากรหมักจึ่งมีกลิ่นและรสชาติที่เฉพาะตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลิ่นเหม็นอับของเชื้อแบคทีเรียที่ใช้และยังมีเมือกที่แบคทีเรียสร้างขึ้นอยู่ที่ผิวโดยรอบของนัตโตด้วย ในประเทศญี่ปุ่นจะบริโภคนัตโตร่วมกับซอสหรือซีอิ้วและข้าวเป็นอาหารเช้าหรืออาหารค่ำ
การทำนัตโตสามารถทำได้ง่าย และมักทำในระดับครัวเรือน แต่ก็มีผลิตในระดับอุตสาหกรรมขนาดเล็ก วิธีทำ นำถั่วเหลืองที่นึ่งสุกแล้วมาใส่เชื้อ บาซิลลัส นัตโต แล้วนำไปห่อด้วยฟางข้าว บ่มไว้ในตู้บ่มที่อุณหภูมิ 40 – 43 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1 – 2 วัน ส่วนการผลิตในระดับอุตสาหกรรมทำโดยแช่ถั่วเหลืองที่อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส นาน 16 – 20 ชั่วโมง หรือที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 12 – 16 ชั่วโมง แล้วนำไปนึ่งในหม้อนึ่งความดันประมาณ 30 – 40 นาที ทิ้งให้เย็นใส่เชื้อบาซิลลัส นัตโตแล้วบรรจุในถุงพลาสติก หมักที่อุณหภูมิ 40 – 43 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 – 20 ชั่วโมง จึงส่งจำหน่าย

Sunday, August 24, 2008

เรื่องรัก น่ารู้


1.อารมณ์หึงเกิดขึ้นได้ทั้งชายและหญิงแต่อารมณ์หึงของผู้หญิงจะซับซ้อนกว่าผู้ชาย 2. ผู้ชายร้อยละ 90 ชอบผู้หญิงสวย น่ารักแต่ผู้ชายร้อยละ 100 อยากอยู่กับผู้หญิงฉลาดและเฉลียว

3. คนที่มีแฟนขี้หึงขั้นรุนแรงมีเพียง 0.0000xx เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ชอบ นอกนั้นรู้สึกว่าอึดอัดผู้ชายทั้งหลายควรจะดีใจที่มีแฟนขี้หึง

4. ไม่เคยมีคู่ไหนไม่ต้องใช้ความอดทนในการรักเพียงแต่จะเป็นการอดทนในรูปแบบไหนเท่านั้นเอง

5. คนที่มีกิ๊กนอกเหนือจากแฟนตัวจริง คือคนที่ไม่ศรัทธาในความรัก

6. อย่ากลัวการอกหัก เพราะไม่เคยมีใครตายจากโรคอกหักมีแต่ความอ่อนแอเท่านั้นที่ทำให้ฆ่าตัวตาย

7. ความรักมักไม่เกิดตอนที่เฝ้ารอแต่เมื่อปล่อยตัวตามสบาย ความรักมักจะมาทำเซอร์ไพรส์ให้ห ัวใจ

8. ถึงจะไว้ใจเพื่อนแค่ไหนก็อย่าให้เพื่อนกับแฟนของเราสนิทกันเกินไปเพราะหายนะอาจตามมา

9. ถ้าเรารู้สึกอายเวลาเดินเคียงข้างแฟนที่ขี้เหร่นั่นหมายความว่าเราไม่ได้รักเค้าจริง
10. อย่าบ่นให้ใครฟังว่าแฟนไม่เคยทำตัวดีขึ้นเลยเพราะจะโดนย้อนว่า 'แล้วจะโง่ทนคบอยู่ทำไม'

11. ถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนที่ขี้หึงขั้นรุนแรงอย่าได้เลือกคบผู้ชายที่หน้าตาและมนุษยสัมพันธ์ดีเด็ดขาด

12. การที่ผู้ชายมองผู้หญิงสวย เซ็กซี่ จนเหลียวหลังไม่ได้หมายความว่าเข้าต้องการแฟนที่เป็นแบบนั้น

13. ผู้ชายที่ไว้ใจได้ว่าไม่นอกใจแฟนหรือภรรยามีเพียงแต่ผู้ชายที่อยู่ในโลงเท่านั้น ควรจำให้ขึ้นใจ

14. พยายามทำตัวให้ดีและมีคุณค่ามากกว่าผู้หญิงที่แย่งแฟนเราไปแล้วซักวันแฟนเราจะกลับมาเอง

15. อย่าคบกับผู้ชายที่เอาเรื่องแฟนเก่ามาพูดเสียๆ หายๆเพราะเราอาจจะเป็นรายต่อไป 16. ผู้ชายที่รักสัตว์ รักเสียงเพลง รักครอบครัวน่าคบมากกว่าผู้ชายที่รักตัวเองซะอีก17. อายุที่มากขึ้นอาจทำให้ต้องลดเสปกชายในฝันลงแต่ข้อที่ไม่ควรลดเด็ดขาดคือความดีและความจริงใจ

18. ผู้ชายที่เกาะชายกระโปรงผู้หญิงกินดูน่ารังเกียจกว่าผู้หญิงที่ชอบปอกลอกผู้ชายหลายเท่า

19. มนุษย์ผู้ชายมีน้อยกว่ามนุษย์ผู้หญิงผู้ชายที่ดีและเป็นโสด ก็มีน้อยกว่าผู้ชายที่เลวและมีเจ้าของด้วย

20. อย่ารักผู้ชายที่ทั้งขี้เหร่ ขี้เกียจ และขี้เมาเพราะเราจะต้องรู้สึกตกนรกไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน

21. คู่รักที่เดินกอดจูบกันต่อหน้าชุมชนมีแต่ฝ่ายหญิงเท่านั้นที่จะถูกประณามและดูถูกอย่างรุนแรง

22. เซ็กส์ไม่สามารถผูกมัดให้คู่รักอยู่ด้วยกันไปตลอดความผูกพันต่างหากที่จะดึงรั้งกันไว้ได้

23. อายุไม่ใช่อุปสรรคของความรักถ้าความคิดหัวใจตรงกัน ความมั่นคงก็เกิดขึ้นได้
24. ในชีวิตจริงของความรัก เราอาจไม่ใช่นางเอกที่แสนดีบางทีต้องมีการใช้ไหวพริบในการแย่งชิงบ้าง

25. คนสวยหรือคนหล่อสามารถอกหักได้เหมือนกันถ้าทำตัวไม่ดีหรือมีเวลาให้กับความรักไม่พอ

26. ถึงจะได้ยินว่ามีรักที่ไหนมีทุกข์ที่นั่นแต่คนส่วนใหญ่ก็ยังเลือกที่จะมีความรักมากกว่าจะอยู่เป็นโสด

27. เรื่องที่แฟนไม่ยอมเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกมักเป็นเรื่องที่เรารู้เมื่อไหร่ก็ต้องควันออกหูอยู่ดี

28. ถ้าชื่นชมในตัวแฟน 100 เปอร์เซ็นต์ ควรบอกเค้าแค่70 เปอร์เซ็นต์

29 .ถึงผู้ชายจะบอกว่าไม่ชอบผู้หญิงแต่งหน้าแต่ผู้ชายก็ไม่ชอบคนที่หน้ามันหรือซีดตลอด

30. ผู้ชายชอบติรูปร่างของแฟนหรือคนโน้นคนนี้โดยลืมดูรูปร่างตัวเองว่าแย่ขนาดไหน
31. คนต่างชาติต่างภาษาสามารถรักกันได้เพราะภาษาหัวใจเป็นภาษาสากลที่ไม่ต้องการคำแปล

32. ผู้ชายต้องใช้สมองและทักษะมากขึ้นในช่วงที่มีความรักเพราะผู้หญิงมักปากไม่ตรงกับใจ

33. ผู้ชายชอบเป็นฝ่ายไล่ล่า มากกว่าจะเป็นฝ่ายถูกล่าฉะนั้นจึงไม่แปลกที่จะพยายามหนีเมื่อถูกตามตื้อ

34. ผู้หญิงอาจไม่ได้เรียกร้องอะไรมากขึ้นแต่เป็นเพราะผู้ชายไม่สามารถทำดีได้เสมอต้นเสมอปลาย

35. รักแรกพบสามารถเกิดได้แค่ 10 เปอร์เซ็นต์นอกนั้นเกิดจากการใกล้ชิด และการเรียนรู้กันอย่างลึกซึ้ง

36. คนที่เรารักกับคนที่รักเราอาจไม่ใช่คนเดียวกันเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าคนเราบังคับหัวใจกันไม่ได้จริงๆ

37. ทุกคนจะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเมื่อได้มีความรักและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นอีกหลังจากอกหัก

38. มือที่สามสามารถเดินเข้ามาในชีวิตเราได้ตลอดเวลาในความไว้ใจจึงควรมีความระวังอยู่ด้วย

Saturday, August 23, 2008

อ่านจบแล้วคุณจะฉลาดขึ้น0.2%จริงรึเปล่า?????


1.ผู้หญิงกระพริบตาบ่อยกว่าผู้ชายถึงสองเท่า และ มากกว่าถึงสามสิบครั้ง เมื่อพวกเธออยู่สระว่ายน้ำ
2.ชื่อโหลที่สุดหาใช่ “จอห์น” หรือ “ฃาร่าห์” ไม่ แต่เป็น ”โมฮัมเหม็ด” ต่างหาก
3.คนเราไม่สามารถที่จะเลียข้อศอกของตัวเองได้
4.แมลงสาบหัวขาด สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได่ถึง 9 วัน
5.เวลาปลาหมึกยักษ์ หิวจัดเอามาก ๆ มันจะกินหนวดของมันเอง และ รู้มั้ยว่า มันยังเป็นสัตว์ที่มีลูกตา ใหญ่ที่สุดในโลก
6.แมงมุมแม่หม้ายดำฃึ่งกลืนกินคู่ขาหลังจากการสมสู่ ยังสามารถหม่ำแมงมุม ตัวผู้ได้ถึงวันละ 25 ตัวอีกด้วยร้ายกาจมากกกกก!
7.เตียงนอนในบ้านโดยทั่วไปแล้ว จะมีตัวเล็นและตัวไรฃ่อนอยู่ถึง 6 พันล้านตัว
8.ผึ้งจะทำกายบริหารก่อนจะบิน
9.การ์ตูนโดนัลด์ดั้กเคยถูกประกาศห้ามเผยแพร่ในฟินแลนด์ เพียงเพราะว่ามัน ไม่สวมกางเกง ฮ่า ฮ่า
10.ถ้าคุณลากเส้นชอล์กผ่านฃวางทางเดินของมด มันจะไม่ยอมเดินผ่านข้ามไป
11.ในแต่ละวันส่วนมากผู้หญิงจะฉอเลาะมากถึง 7.000 คำต่อวัน ขณะที่ผู้ขายปริปากแค่ 2.000 คำต่อวันเอง
12.คุณรู้หรือเปล่าว่า ไม่ว่าแผ่นกระดาษจะมีขนาดใหญ่แค่ไหน คุณไม่สามารถ พับครึ่งได้ถึง 6 ทบ ไม่เชื่อลองดูฃิ
13.ครั้งหนึ่งชาวเบลเยี่ยมเคยพยายามใช้แมวเหมียวเป็นตัวส่งจดหมาย ไม่จำเป็น ต้องบอกเลย ว่า ไม่มีทางสำเร็จผล
14.คุณรู้ไหมว่าโดยทั่วไปแล้วผู้หญิงจะกลืนกินลิปสติกลงท้องไปถึง 4 ปอนด์ ในตลอดชีวิตของเจ้าหล่อน
15.ตลอดทั้งชีวิตแล้ว คนทั่วไปจะใช้เวลาจูจุ๊บกันรวมแล้วเกือบสองอาทิตย์ เชียวนะ
16.เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะ จามทั้งๆ ดวงตายังเปิด
17.เห็นชัดได้ว่า ลูกตาของคนเราคงขนาดเดิมมาตั้งแต่เกิด แต่จมูกกับหูนั้น ไม่เคยหยุด การเจริญเติบโตเลย!
18.วอลท์ดิสนี่ย์ผู้สร้างสรรค์ตำนานการ์ตูนมิคกี้ย์เม้าส์นะ อันที่จริงแล้วเค้า เป็นคนกลัวหนูจะตายไป
19.เอาหัวโขกกับกำแพงซักหนึ่งชั่วโมง ช่วยเผาผลาญหลังงานได้ถึง150 แคลอรี่ย์
20. อัลมอลล์เป็นพืชตระกูลหนึ่งของพืช
21. โฆษณานาฬิกาทุกชิ้น .มักให้เข็มนาฬิกาหยุดอยู่ที่ 10:10 เพราะจะได้ดู เป็นรูปใบ หน้ายิ้ม
22.ลายเสือเกิดขึ้นจากหนังของมัน ไม่ใช่จากขน
23. ร้อยละ 80 ของคนที่อ่านบทความนี้พยายามจะเลียข้อศอกตัวเอง!!

Friday, August 22, 2008

อัลมอนด์----ประโชน์ดีๆที่ไม่ควรมองข้าม


เมื่อเอ่ยถึงอัลมอนด์นั้น ในบ้านเราอาจจะไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่นัก เนื่องจากว่า อัลมอนด์ไม่ใช่พืชพื้นเมืองของเรา แต่ถ้าในต่างประเทศแล้ว อัลมอนด์ถือว่าเป็นของว่างที่ค่อนข้างแพร่หลายมากทีเดียว
ทั้งนี้เนื่องว่าในต่างประเทศนั้นมีการทำวิจัยที่เกี่ยวข้องกับอัลมอนด์มากมาย ทำให้ทราบว่าอัลมอนด์นั้นอุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย และประกอบไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน ซึ่งช่วยเพิ่มระดับ HDL หรือไขมันดีและช่วยลดระดับ LDL หรือไขมันเลวได้อีกด้วยและนอกจากกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายแล้ว ในอัลมอนด์ยังประกอบไปด้วย ไฟเบอร์ โปรตีนจากพืช วิตามินบี วิตามินอี และโอเมกา 3 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัย แถมยังช่วยลดการเกิดมะเร็งในลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วยเห็นไหมค่ะว่า อัลมอนด์เนี่ยเค้ามีประโยชน์ที่เรา ๆ ไม่ควรมองข้ามจริง ๆ ถ้าเพื่อน ๆ ที่นี่คนไหนอยากลองเปลี่ยนรสชาติ หรือจะลองซื้อมาทานเป็นประจำดูก็ได้นะคะ ถือเป็นของทานเล่นที่ไม่อ้วนแล้วยังให้ประโยชน์อีกด้วย

Thursday, August 21, 2008

5 ความเชื่อผิดๆๆๆๆๆๆ***เกี่ยวกับ****---สิว---





เนื่องจากสิวเป็นโรคที่พบได้บ่อย และบางครั้งอาจก่อความกังวลให้แก่ผู้ป่วย อีกทั้งผู้ป่วยอาจมีความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับโรคสิวได้ ซึ่งในเรื่องนี้ น.พ.ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์อเมริกันบอร์ดสาขาโรคผิวหนัง เปิดเผยในบทความเรื่อง “โรคสิวในเวชปฏิบัติ- ความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับโรคสิว” ว่า “เนื่องจากโรคสิวเป็นโรคที่พบบ่อย และก่อความกังวลให้แก่ผู้ป่วย ผู้ป่วยมักมีความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับโรคสิว ทำให้การรักษาไม่ได้ผล ความเชื่อที่ผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคสิว เช่น
1.กินช็อกโกแลตแล้วทำให้สิวขึ้น ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ยืนยันว่า อาหารพวกช็อกโกแลต มันฝรั่งทอด ถั่วทอด พิซซ่า อาหารมันๆ น้ำอัดลม ไอศกรีม เป็นตัวกระตุ้นให้สิวขึ้น เคยมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ โดยแบ่งกลุ่มทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกไม่ให้กินช็อกโกแลตเลย อีกกลุ่มให้กินช็อกโกแลต ผลปรากฏว่า ไม่พบว่าอัตราการเกิดสิวในทั้ง 2 กลุ่มแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยยืนยันว่า อาหารบางชนิดกินแล้วสิวกำเริบก็ควรงดอาหารนั้นๆ เป็นรายๆ ไป
2.เพศสัมพันธ์ทำให้สิวดีขึ้น หรือทำให้สิวกำเริบ บางคนเชื่อว่า เพศสัมพันธ์ทำให้สิวดีขึ้น ความเชื่อนี้สืบเนื่องมาตั้งแต่ครั้งยุโรปโบราณ ที่ว่าการแต่งงานทำให้สิวหายไปได้ แต่แท้ที่จริงผู้ที่แต่งงานแล้วอาจมีสิวหายไป เพราะวัยที่แต่งงานนั้นผ่านพ้นวัยรุ่น จึงเป็นวัยที่พบสิวน้อยลง ในทางตรงกันข้ามบางคนเชื่อว่า สิวจะกำเริบเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งไม่เป็นจริง การมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้มีส่วนกระตุ้นให้ฮอร์โมนเพศชายซึ่งเป็นต้นเหตุของสิวหลั่งออกมา จึงไม่เกี่ยวกับการเกิดสิว สรุปแล้วเพศสัมพันธ์ไม่ได้มีส่วนทำให้สิวเลวลงหรือดีขึ้นแต่อย่างใด
3.แสงแดดทำให้สิวดีขึ้น แสงแดดอาจทำให้ดูเหมือนว่าสิวดีขึ้น เพราะแสงแดดทำให้ผิวไหม้แดงและคล้ำลง ช่วยบดบังรอยแดงรอยดำจากสิวอักเสบและรอยจากการอักเสบ แต่แท้ที่จริงแล้วนอกจากแสงแดดจะเป็นอันตรายต่อผิวหนังแล้ว แสงแดดยังทำให้ผิวระคายเคืองและสิวกำเริบ
4.ผิวมันทำให้สิวกำเริบ สิวไม่ได้เกิดจากผิวมัน แต่เกิดจากเซลล์ผิวหนังที่บุท่อรูขุมขนที่หลุดออกตามธรรมชาติ ไม่ถูกขจัดสู่ผิวหนังด้านนอก ทำให้เกิดการตกค้าง เมื่อรวมกับไขมันที่ต่อมไขมันสร้างขึ้น จะก่อให้เกิดสิวอุดตัน ฉะนั้น ผิวมันเป็นอาการ แต่ไม่ได้เป็นสาเหตุของสิว
5.การรักษาสิวนั้น ยิ่งใช้ยาแรงยิ่งได้ผลดี วัยรุ่นเป็นวัยที่ส่วนใหญ่เชื่อว่าการรักษาสิวนั้น ยิ่งใช้ยาแรงยิ่งได้ผลดี เช่น ถ้าใช้ยาทา 2.5% benzoyl peroxide แล้วได้ผล ถ้าเพิ่มความเข้มข้นเป็น 10% ก็น่าจะได้ผลมากขึ้นอีก แต่ที่จริงแล้วถ้ายาความเข้มข้นต่ำได้ผลดี ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาแรงขึ้น นอกจากจะเป็นการเสียเงินโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังอาจเกิดผลแทรกซ้อน เช่น การระคายเคืองมากขึ้นตามมาได้
ความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับสิวยังมีอีกมาก แต่อันที่จริงแล้ว สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวนั้นคือ ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก จึงควรล้างหน้าฟอกสบู่บ่อยๆ แม้ว่าจะมีผิวหนังสะอาดที่สุด โดยการล้างหน้าฟอกสบู่เสมอๆ ก็อาจเป็นสิวได้ ในทางตรงกันข้ามบางคนที่ใช้เพียงน้ำเปล่าล้างหน้าเท่านั้นกลับไม่เป็นสิวเลย สิวหัวดำที่เห็นเป็นจุดดำนั้นไม่ได้เกิดจากสิ่งสกปรกไปอุดตัน แต่เกิดจากไขมันอุดตันในท่อต่อมไขมันมีเม็ดสีเมลานินมาสะสม ความเชื่อที่ว่า สิ่งสกปรกทำให้เกิดสิว ทำให้ผู้เป็นสิวหลายรายล้างหน้าบ่อยครั้งเกินไป และใช้สบู่ที่แรงหรือสบู่ยา หากใช้บ่อยครั้งและเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้ผิวหน้าอักเสบ ระคายเคือง และสิวกำเริบมากขึ้น
โลชั่นเช็ดหน้าป้องกันสิวบางตัวพยายามเน้นว่า สิ่งสกปรกทำให้เกิดสิว เพราะเมื่อใช้สำลีชุบโลชั่นเช็ดใบหน้าแล้ว จะได้คราบสีดำติดสำลีออกมา ที่จริงแล้วคราบดำนั้นเป็นผิวหนังชั้นขี้ไคลส่วนที่ตายและพร้อมที่จะหลุดลอกออกมาโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีใบหน้าสะอาดเพียงใด หากใช้โลชั่นที่มีแอลกอฮอล์ผสมเช็ดหน้า ย่อมได้คราบดำติดมาทุกคน แท้จริงแล้วสิวไม่ได้เกิดจากสิ่งสกปรกหรือไขมันที่อยู่บนผิว โดยทั่วไปแนะนำให้ล้างหน้าด้วยสบู่อ่อนวันละ 2 ครั้ง และซับหน้าให้แห้ง ไม่ควรเช็ดหน้าแรง เพราะอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้

Monday, August 18, 2008

วิธีลดโลกร้อน***แบบฮาๆๆๆๆ55+++





1. ประกาศภาวะฉุกเฉิน ให้เวลา 12.00น. ตามเวลาท้องถิ่นของแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นเวลาที่เราอยู่ใกล้ พระอาทิตย์มากที่สุด ให้ทุกคนกระโดดกระทืบโลกกันคนละประมาณ 2-3 ที ไดเร็คชันเวคเตอร์จะทำให้โลกกระเถิบไปในทิศทางตรงข้าม (หรือไกลจากพระอาทิตย์มากขึ้น) จะทำให้อุณหภูมิของโลกลดลงได้
2. ประกาศภาวะฉุกเฉิน ให้เวลา 00.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นเวลาที่เราอยู่ไกลพระอาทิตย์มากที่สุด ให้เป่าลูกโป่งให้ลอยได้ แล้วผูกติดตามพื้นโลก (อนุญาตให้ผูกกับกิ่งไม้หรือหลังคาบ้านได้) เป็นเวลา 1 นาที แล้วเจาะให้แตก จะช่วยเป็นแรงเสริมให้ข้อ 1 ทำให้โลกขยับไกลพระอาทิตย์มากขึ้น
3. ให้ทุกบ้านที่มีตู้เย็นทำน้ำแข็ง ส่งไปให้กระทรวงกลาโหมของประเทศตนเอง วันละ 1 ถุง (ขนาดพอประมาณ) เพื่อรวบรวมเอาไปปล่อยที่ขั้วโลกเหนือและใต้ ทดแทนน้ำแข็งขั้วโลกที่ละลายหายไปทุกวันๆ
4. (สำหรับประเทศไทย) ให้นำพวกแก๊งปาหินที่จับได้และประกาศรับสมัครเพิ่มเติม จับไปฝึกฝีมือที่วัดเส้าหลินเพื่อพัฒนาศักยภาพ เพิ่มแรงขว้างและพัฒนาความแม่นยำ จากนั้นรวบรวมไปปาหินใส่ปรากฎการณ์เรือนกระจกที่ทำให้โลกเราร้อนขึ้นให้มัน แตก ทำให้ภาวะเรือนกระจกลดลง ในที่นี่อาจตั้งชมรมปาหินแห่งประเทศไทย เพื่อทำเป็นตัวอย่างแก่สายตาชาวโลก (สามารถยื่นเข้าเป็นเมกะโปรเจคเสนอองค์กรณ์ยูเนสโกได้)
5. ให้มีการเรียนรู้ภาษาหมีขั้วโลก โดยจัดตั้งภาควิชาภาษาหมีขั้วโลก (เฉพาะกิจ) ที่มหาวิทยาลัยในรัฐเนวาด้า โดยรัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุนเรียนฟรี เมื่อจบแล้วให้บัณฑิตผู้มีความรู้ไปสั่งสอนหมีขั้วโลกว่า "อย่าไปยืนบนน้ำแข็งที่งอกออกไปในมหาสมุทร จะเป็นการทำให้น้ำแข็งหักตกลงสู่มหาสมุทร เพราะอุณหภูมิมหาสมุทรจะสูงกว่าบนบก เดี๋ยวน้ำแข็งขั้วโลกจะละลายง่ายไปซะเปล่าๆ"
6. ให้มีการเรียนรู้ภาษาวัว โดยจัดตั้งภาควิชาภาษาวัว(เฉพาะกิจ) ที่มหาวิทยาลัยสุรนารี (ใกล้ฟาร์มโชคชัยดี) โดยรัฐบาลสหรัฐ (อีกแล้ว เกี่ยวอะไรกัน) ให้การสนับสนุนเรียนฟรี เมื่อจบแล้วให้บัณฑิตผู้มีความรู้ไปสั่งสอนวัวว่า "พวกแกรู้มั๊ยว่า ที่พวกแกตดเนี่ยะ มันทำให้โลกร้อน หัดอั้นไว้บ้างสิ"
7. ต่อท่อส่งน้ำให้ยาวมากๆ ปลายด้านหนึ่งต่อลงทะเล ปลายอีกด้านต่อกับกระสวยอวกาศ แล้วปล่อยกระสวยอวกาศให้ลอยออกไปนอกโลก จากนั้น ทำการสูบน้ำทะเลออกนอกโลกซะบ้าง เพราะน้ำทะเลเพิ่มขึ้นเนื่องจากน้ำแข็งขั้วโลกละลาย แล้วฉีดใส่พระอาทิตย์ ให้เปลวไฟที่ร้อนระอุนั้นลดลงบ้าง แล้วยังได้พื้นที่แผ่นดินบนพื้นโลกเพิ่มขึ้นด้วย (ยิงปืนนกเดียวได้นัดสองตัว.. อันนี้สนับสนุนอย่างยิ่ง แต่อย่าสูบจนน้ำทะเลหมดโลกล่ะ เดี๋ยววาฬจะไม่มีที่อยู่)
8. ทำหิมะเทียมจำนวนมาก ปล่อยในทะเลทรายทั่วโลก และประเทศไทย เพื่อลดจุดที่อุณหภูมิสูงตามแหล่งต่างๆ ของโลก จะทำให้โลกมีอุณหภูมิลดลงได้ (ทั้งนี้ควรมีการป้องกันโดยสวมใส่เสื้อกันหนาวให้มัมมี่ด้วย เนื่องจากมันไม่น่าจะทนอากาศหนาวได้)